1. หัวใจบ้านนอก
เนื้อร้อง/ทำนอง : ประยงค์ อุปเสน / ตะวันฉาย
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : ตะวันฉาย
เราคนบ้านนอก เขามองกระจอกนอกสายตา ไม่มีใบปริญญา
อวดอ้างกานดาเหมือนดั่งใครๆ ถูกมองว่าต่ำ หาเช้ากินค่ำกับวัวควาย
ไม่สมจะเป็นคุณชาย เลี้ยงตัวเลี้ยงกายในดงไร่นา
เธอคนบางกอก จึงชอบแต่คนมีเงิน คนจนอย่างฉันเธอหมางเมิน
ฉันมันไร้เงินไม่มีราคา คนในเมืองใหญ่ แห้งแล้งน้ำใจหนักหนา
สวมใส่หัวโขนบนความมายา มองเห็นชาวนาเป็นเพียงก้อนดิน
** ขอลาบางกอก ฉันคนบ้านนอกต้องขอลา ไปอยู่บ้านนอกคอกนา หาปูหาปลาก็คงพอกิน
ยากจนแค่ไหน ขอเพียงไม่มีหนี้สิน ทำไร่ไถนาเป็นอาจิณ พลิกฟื้นผืนดิน ปู่ยาตายาย....ให้ฉัน
จึงขอลาจาก มาฟื้นฟูรากฉันไว้ ขอเป็นฉันไม่เป็นทาสใคร อยู่อย่างเป็นไท หัวใจเป็นทาน
แบ่งปันความสุขให้คนจนทุกข์นับสิบล้าน เรียนรู้ร่วมกันสัมพันธ์ยาวนาน สืบลูกชั่วหลาน....หัวใจบ้านนอก
2. สำนึกรักชุมชน
เนื้อร้อง/ทำนอง : ประยงค์ อุปเสน
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : บัณฑิตคืนถิ่น
มองดูทุ่งนา มองดูผืนป่า ความแห้งแล้งคืบมาใจหาย
เห็นหลากหลายชีวิต ดิ้นรนสู้ไป แต่ผู้คนยากไร้เสียจริง
ก่อนเคยมีน้ำมีปลา มีผืนป่าที่มากมาย ผู้คนสัตว์น้อยใหญ่ได้พึ่งพิง
มีคนเห็นแก่ได้ ทำลายลงทุกสิ่ง จึงปล่อยทิ้งไร่นาแสนเศร้า
* คนรุ่นใหม่อย่างเรา จะอยู่อย่างไร ลุกขึ้นฟื้นฟูใหม่หรือทิ้งเปล่า
ตั้งคำถามตัวเอง ว่าเราโง่เขลาหรือจำใจ ก่อนค้นหาความหมายบนผืนดินแม่
สำนึกรักชุมชนคนรุ่นใหม่ เบิกบานในหัวใจดวงแด
อยู่อย่างพอเพียง ใกล้ชิดพ่อและแม่ ขอความสุขที่แท้แค่ "พอ"
** ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ได้มาเก็บไว้ไม่รีรอ
ถึงไม่รวยเงินตรา แต่เราก็มีพอ สำนึกรักชุมชน "หนอ" คนรุ่นใหม่
3. หากยังหวัง
เนื้อร้อง/ทำนอง : ตะวันฉาย
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : บัณฑิตคืนถิ่น
ผ่านคืนวัน ของเมื่อวาน ได้พานพบคนหลายหลาก
ช่วงเวลา ได้นำพาให้เรียนรู้ กับเส้นทาง ที่ก้าวเดิน
เผชิญเรื่องราวมากมาย สุขและทุกข์คละเคล้าไป ไม่เคยห่าง
ย่ำบนทาง ที่วกวน อาจสับสนมากมายหลายสิ่ง
ความเปลี่ยนแปลง คือแท้จริงกว่าสิ่งไหน
หากเหนื่อยนัก หยุดพักก่อน ตื่นนอนค่อยเริ่มวันใหม่
หากพรุ่งนี้ ต้องเสียใจ พร้อมเผชิญ
* ก็ยังมี....ชีวิตอยู่ หากยังหวัง ยังไม่สิ้นทาง
อาจหกล้ม ยังลุกขึ้นใหม่ เก็บวันวาน เก็บไว้เป็นบทเรียน
ทำวันนี้เพื่อวันพรุ่งนี้ ทำพรุ่งนี้เพื่อวันต่อไป
หากไม่ท้อ ขอจงมั่นใจ วันคืนที่ผ่านไป จะสอนให้ใจกล้าแกร่ง
4. ฮีต 12
เนื้อร้อง/ทำนอง : ประยงค์ อุปเสน
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : ประยงค์ อุปเสน
อยู่กันนานมา หลายร้อยพันปี เฮานั้นมีของดีที่ควรจะได้ฮักษา เป็นมรดกสืบทอดกันมา
เอิ้นว่าภูมิปัญญาของเฮาชาวอีสาน ผู้คนกล่าวขานฮีตสิบสอง คองสิบสี่ จวบจนสมัยนี้ เฮายังมีดีให้สืบสาน
อย่าให้เป็นของเก่าที่เล่าแค่ในนิทาน ขอให้ลูกให้หลานมาซ่อยกันยู้ส่ง
* มาเถิดมาหมู่เฮา มาซ่อยกันสืบสาน มาซ่อยกันสร้างตำนาน พาอีสานให้รุ่งเรือง
พอถึงเดือนอ้าย พระสงฆ์เข้าปริวาส์ ชำระบาปสังฆาที่ติดมาให้หมดสิ้น ทำบุญแก่พระที่บริสุทธิ์ในศีลสาธุชนทั่วถิ่น
ล้วนแต่ได้บุญญา ย่างเข้าเดือนยี่ เฮามีบุญกุ้มข้าว มาเถิดมาหมู่เฮา มาเอิ้นขวัญข้าวสู่หลัง อย่าได้บกเกินหาด
อย่าได้ขาดเกินวัง เฮาต่างมีความหวัง ได้กุ้มอยู่กุ้มกิน พอถึงเดือนสาม เอาข้าวงามทำข้าวจี่ ทาไข่แดงสวยดี ถวายพระ
ชีในวัดวา แปรรูปผลผลิตให้มีคุณค่า ทั้งยังซ่อยฮักษา ภูมิปัญญาอาหารเฮา
* มาเถิดมาหมู่เฮา มาซ่อยกันสืบสาน มาซ่อยกันสร้างตำนาน พาอีสานให้รุ่งเรือง
มาถึงเดือนสี่ เฮานั้นมีบุญผเวส ได้บูชากัณฑ์เทศน์แห่กัณฑ์หลอนกันทั้งคืน พี่น้องใกล้ไกลได้มาฮ่วมม่วนซื่น
สนุกสนานเต็มตื่น มหรสพเต็มวัดวา เข้าสู่เดือนห้า เอาพระลงสงกรานต์ ให้ลูกให้หลานฮดสรงผู้สูงวัย ขอขมาที่ผิด
ให้จิตท่านอำนวยชัยสืบทอดกันเอาไว้ กตัญญูบูชาคุณ พอถึงเดือนหก เข้าสู่บุญบ้องไฟ เฮาก็มาร่วมใจบูชาพระยาแถน
ขอฟ้าขอฝนหล่นมาทั่วแดน ขจัดความแร้นแค้น มีน้ำไว้ทำนา
* มาเถิดมาหมู่เฮา มาซ่อยกันสืบสาน มาซ่อยกันสร้างตำนาน พาอีสานให้รุ่งเรือง
ย่างเข้าเดือนเจ็ด ไหว้เจ้าที่เทวา บูชาดอนปู่ตา ผู้ฮักษาป่าชุมชน ไหว้แม่โพสพ ผู้ทรงเมตตาล้นขอให้ท่านช่วยดล
ข้าวเหนียวเต็มนา พอถึงเดือนแปด พระสงฆ์เข้าพรรษา ถวายผ้าวัสสิกา เทียนพรรษากันทั่วไป
นำลูกหลานบวช อบรมบ่มนิสัย อธิษฐานในใจจะทำอะไรสามเดือน เข้าสู่เดือนเก้า บูชาข้าวประดับดิน ไหว้พระมีแม่ธรณิน
ซ่อยปกปักฮักษา ให้ขวัญข้าวอ่อนที่ตั้งรวงออกมา อย่าได้มีปัญหา เม็ดข้าวให้เต็มรวง
* มาเถิดมาหมู่เฮา มาซ่อยกันสืบสาน มาซ่อยกันสร้างตำนาน พาอีสานให้รุ่งเรือง
พอถึงเดือนสิบ คิดถึงญาติกา ผู้ล่วงลับมรณา จากไปยังถวิล ทำสลากภัตรส่งไปให้ได้กิน
คนอีสานทั่วถิ่น ล้วนไปเต็มวัดวา ถึงเดือนสิบเอ็ด พระสงฆ์ออกพรรษา มาเถิดมาเฮามาตักบาตรเทวากันยุพิน
เตรียมย่างเข้าสู่ บุญทอดกฐิน เฮาพอมีพอกิน หลังเก็บเกี่ยวข้าวปลา
ถึงเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง เฮาทั้งหลายชายหญิง มาลอยกระทงส่งไฟ บูชาพระพุทธ
ผู้ประดุจเทียนชัย พร้อมกราบขออภัยในพระแม่คงคา
* มาเถิดมาหมู่เฮา มาซ่อยกันสืบสาน มาซ่อยกันสร้างตำนาน พาอีสานให้รุ่งเรือง
สืบทอดกันไว้ให้ยาวนาน ให้ท้องถิ่นอีสาน รุ่งเรืองยาวไกล ฮีตคองสร้างสุข สืบทอดกันเอาไว้
ชาวอีสานยิ่งใหญ่ เพราะมีฮีตคองของตน
* มาเถิดมาหมู่เฮา มาซ่อยกันสืบสาน มาซ่อยกันสร้างตำนาน พาอีสานให้รุ่งเรือง
5. เพราะเธอคือความหวัง
เนื้อร้อง/ ทำนอง : เอ้ นิติ’กุล
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : บัณฑิตคืนถิ่น
หลายคนอยากไปถึง หลายคนอยากไปหา
หลายคนเคยผ่านมา ... ผ่านไป
ฉันคนหนึ่งที่เฝ้ามอง และฉันคนหนึ่งที่ได้เห็น
ความเติบโตเปลี่ยนแปลง จำเป็น... ต้องเป็นไป
เพราะเธอคือความหวัง คือหนทางสร้างสังคมใหม่
เพราะเธอคือพลัง บนก้าวย่างของสังคมไทย
จารึก สำนึกนำ ใส่ใจ ปกป้องไว้ ศักดิ์ศรีความเป็นคน
พวกฉันจึงเดินมาด้วยกัน เพื่อนฉันจึงเดินมาด้วยกัน
มาร่วมสืบสาน สร้างสรรค์ ...ร่วมกับเธอ
* เมื่อใจตรงกัน จึงก้าวไป หยดน้ำใสใส จึงไหลรวม
เป็นสายน้ำที่ไหลไป ... อย่างใสเย็น
( เพื่อดับทุกข์ คลายลำเค็ญ เป็นความหวัง )
เพราะเรามีความหวัง บนเส้นทางสร้างสังคมใหม่
เพราะเรามีพลัง สร้างสิ่งหวังดังตั้งใจ
แบ่งปันสิ่งดีงาม เอาไว้ ด้วยหัวใจให้เธอ
6. ฮักสาวลาว
เนื้อร้อง/ทำนอง : ประยงค์ อุปเสน
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : ประยงค์ อุปเสน
พบนวลละออ ที่ สปป.ลาว ตกหลุมรักเต็มเปา แม่สาวลาวคนสวย
น้องอยู่บ้านได๋ ทำใจอ้ายนี้ระทวย บอกตามตรงว่าสวย สวยจริงๆ
ยอดหญิงเมืองลาว
ดูงามสามดี โอ้แม่ศรีสุดา มีคู่ครองหรือยังกานดา หรือว่ายังเป็นสาว
หากใครได้เจอ คงละเมอถึงเจ้า อยากบอกรักแม่นงเยาว์
แต่กลัวใจฟาล์ว ถ้าเธอมีคู่
* หนุ่มเมืองไทย คนนี้หัวใจโดดเดี่ยว อยู่มาตัวคนเดียว แสนเปล่าเปลี่ยวไร้คู่
เธอคือยาใจ ทำให้ชายหายหดหู่ ก็อยากบอกรักโฉมตรู อยากได้พธูเป็นคู่ครอง
ถ้าหากทรามวัยยังไม่มีใครหมายปอง พี่จะมาขอจับจอง ขอแต่งดองได้ไหม
ตอบพี่สักคำถ้าหากงามขำเต็มใจ จะสร้างรักเราลือไกล ให้หนุ่มไทยกับสาวลาว
7. สวรรค์บ้านนา
เนื้อร้อง : เทพสำราญ
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : เทพสำราญ
หอม .. หอมกลิ่นไอดิน ฝนโปรยหลั่งริน ส่งกลิ่นหอม
ฟ้า ...ฟ้าที่ค่ำลง แต่ท้องทุ่ง มีชีวิตที่หมุนไป ขอบฟ้าที่ล้อมดาว
ช่วยโอบกอดใจของชีวิตบ้านนา
ดิน.. หอมกลิ่นไอดิน รินบนพื้นดินบ้านนา
เย็น .. ยามสนธยา อุ่นไอบ้านนา เป็นดั่งสวรรค์ของเรา
ดินหอมกลิ่นไอดิน ยามฝนร่วงริน บนผืนดินบ้านนา
เย็น ... ยามฝนเม็ดชา ผืนดินท้องนา เป็นดั่งสวรรค์บนดิน
ไม่มีหรอกในเมืองกรุง ไม่มีอย่างเมืองกรุง มีแต่บ้านทุ่ง บ้านนาของเรา
เย็น ... ยามสนธยา ฝูงหมู่นกกา ยังกลับคืนรวงรังนอน
คน .. ลืมทุ่ง ให้กลับคืนมาบ้านเรา อย่ามัวแต่เพลินเมืองกรุง
กลับมาบ้านทุ่ง บ้านนาของเรา
หนาว ...หนาว ผ่านผิวกาย แต่อุ่นในใจ ด้วยพี่น้อง
ขอ ..ขอฝากฟ้าไปกู่ร้อง บอกคนที่ไกล ให้กลับคืนบ้านนา
8. สสส.
เนื้อร้อง/ทำนอง : กวาง “’บอ. 29”
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : สมพล เมืองเฉลิม
เราต่างเอาใจมา ปรึกษาหารือร่วมกัน
ต่างมีความใฝ่ฝัน ถึงวันที่แสนสุขใจ
ร่วมกันสร้างสังคมใหม่ ด้วยหัวใจและปัญญา
ลงมือทำตามฝัน แบ่งปันร่วมแรงร่วมใจ
แม้ลำบากสักเพียงไหน แต่สุขใจที่เราได้ทำ
เรามีคนหนุนนำ สิ่งที่ตามนั้นคือความสุข
* ร่วมคิดร่วมทำด้วยกัน เมื่อถึงวัน นั้นคงไม่ไกล
ร่วมสร้างความสุขสดใส มีความจริงใจให้กัน
สร้างสุขแบบสร้างสรรค์ มารวมกันสรรค์สร้างความสุข
9. จุดประกายความฝัน
เนื้อร้อง/ทำนอง : เอ้ นิติ’กุล
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : เอ้ นิติ’กุล
เราก้าวย่างเข้ามา เพื่อค้นหาตัวเอง
เป็นเช่นดังบทเพลง เพื่อมวลชน
ไม่เคยหวาดหวั่นสิ่งใด หัวใจไร้หมองหม่น
อยากเติมเพิ่มความเป็นคน อย่างเข้าใจ
ด้วยวิธีที่มีมากมาย พร้อมให้เราได้เข้าไป
เรียนรู้โลกกว้างยาวไกล ดังใจฝัน
ขับบรรเลงเพลงจากหัวใจ แม้เป็นได้แค่เพียงเสี้ยวจันทร์
สองปีกน้อยนำพาสู่ฝัน อันสดใส
* แผ่นดินนี้ยังมีมากมาย ผู้ที่รอแสงแห่งประกาย ความฝัน
จะเป็นแรงแสงในหัวใจ เปลี่ยนวันคืนที่เวียนหมุนไป สู่ความจริง
** เราบัณฑิตอาสา ต่างเข้ามาร่วมกัน
ทักทอทางมุ่งสู่ฝัน สู่มวลชน
*** จะจุดแสงไฟแห่งประกาย ในหัวใจผู้ทุกคน
ให้ลุกขึ้นสู้อีกหน ดังตั้งใจ (อย่างมั่นใจ)
10. นี่...คือสัญญา
เนื้อร้อง/ทำนอง : ตะวันฉาย
เรียบเรียง : เทพ ตะวัน
ขับร้อง : บัณฑิตคืนถิ่น
จากวันที่ได้มาพบ จากวันที่ได้มาเจอ ได้พบเธอบนเส้นทางของคนล่าฝัน
จากวันที่เราได้อยู่ ได้เรียนรู้กันและกัน ฉันรู้ว่ามัน คือวันที่ยิ่งใหญ่
* เส้นทางแห่งฝัน จุดหมายของเธอและฉัน แม้อาจยาวไกล จะฝันจะไปให้ถึง
ในยามที่ใจอ่อนล้า ยังหวังว่าสักวันหนึ่ง จะไปให้ถึง จุดหมายที่ใจต้องการ
หากเรานั้นต้องจากกัน หากวันนี้ต้องจากลา นี่คือสัญญา ของคนล่าฝัน
* จะคอยต่อเติมเชื้อไฟ เติมใจให้กันและกัน ทุกๆ วัน จากวันนี้ตลอดไป